การเมือง

สำหรับวันพุธที่ 21 ก.พ.2567 …. นอกจากฉากทัศน์ในสภาเร่าร้อนดุเดือดจากประเด็นเรื่องขบวนเสด็จฯ ที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความห่วงใย และแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีอันเป็นที่ประจักษ์ในสังคมแล้ว ……อีกเรื่องที่ถูกจับตาคือการพักโทษของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี  แม้จะปลุกกระแสเกลียด “ทักษิณ+ยิ่งลักษณ์” ไม่ติด แต่อดีต กปปส. แถวหลังไม่ใช่ระดับแนวหน้า โยนเผือกร้อนให้ ป.ป.ช. เล่นงานต่อ.. ขณะที่กระแสโซเชียลสื่อกลับสนใจการกลับมาแบบสงบเงียบของอดีตนายกฯทักษิณเข้าสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า…ด้วยป้ายผ้าหน้าบ้าน “WELCOME HOME” เส้นทางของนักการเมืองพรรคการเมืองมุ่งสู่บ้านจันทร์ส่องหล้าแบบบันไดไม่แห้ง…หนีไม่พ้นยุทธการลับลวงพราง..ปรับ ครม....

การเมืองไทยปี 2567 ร้อนแรงตั้งแต่ต้นปี ประเดิมด้วยการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้ากว่าปกติ เพราะตรงกับช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลประยุทธ์เป็นรัฐบาลเศรษฐา ที่บอกว่าร้อนแรงนั้นประเมินจากภาพรวมการอภิปราย ฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลได้ยกระดับมาตรฐานการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้เข้มข้นด้วยข้อมูล นำเสนอผ่านสไลด์และกราฟิกที่เข้าใจง่าย น่าสนใจ มองเห็นข้อบกพร่องการจัดทำงบประมาณที่ไม่ตรงปกกับนโยบายหลักที่รัฐบาลเคยหาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้งและหรือที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ที่จริงรูปแบบและวิธีการอภิปรายแบบนี้ ถ้ายังจำกันได้ก็คล้ายกับที่พรรคอนาคตใหม่เคยทำไว้ก่อนถูกยุบพรรคและแปลงร่างเป็นพรรคก้าวไกล ข้อแตกต่างที่ทำให้ดูเหมือนว่าก้าวไกลโดดเด่นกว่า เพราะประสบการณ์ที่มากขึ้นและพรรคเติบโตขึ้นจนกลายเป็น ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ จึงสวมบทนำได้เต็มที่ ไม่มีใครเล่นเกมเตะถ่วงเหมือนช่วงพรรคอนาคตใหม่  ประกอบกับ ส.ส. หน้าใหม่ของพรรคหลายคนโชว์ฟอร์มการอภิปรายได้ดีมาก ดีทั้งในแง่ข้อมูล การนำเสนอ การเรียบเรียงคำพูดที่มาจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่นำเสนอ ต่างจากฝ่ายรัฐบาล ที่ยังคงยึดติดกับรูปแบบและวิธีการอภิปรายงบประมาณฯ แบบเดิมๆ เน้นการใช้โวหารตอบโต้มากกว่าข้อมูล ถ้าเป็นคนพูดคล่องอยู่แล้วก็ยังพอเอาตัวรอด แต่บางคนนอกจากข้อมูลไม่แน่น การพูดยังต้องอ่านโพยเหมือนมาอ่านหนังสือท่องจำ ความน่าเชื่อถือก็ตกไป ยกแรกของการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านในเดือนแรกของปีนี้...

ตลอดปี 2566 การเมืองไทยยังคงร้อนแรง เริ่มต้นปีด้วยการเข้าสู่โหมดหาเสียง ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปรอบใหม่ หลัง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ประกาศยุบสภา และจัดให้มีการกาบัตรในเดือนพฤษภาคม เป็นศึกเลือกตั้งที่สร้างเซอร์ไพรส์ทางการเมือง เมื่อพรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่คว้าชัยอันดับ 1 ได้สำเร็จ หลังสู้กันอย่างดุเดือดกับพรรคเพื่อไทย และกลายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองในรอบ 2 ทศวรรษ ที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้คว้าชัยเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้ง   ปี 2566...

“โฆษกกต.” ไม่ยืนยัน “กลุ่มฮามาส” ปล่อยตัวประกันมีคนไทยรวมด้วยหรือไม่ โต้ข่าวปลอม เชลยหญิงไทยตั้งครรภ์ เผย รมช.อิหร่าน เยือนทางการ พบกต.-วันนอร์ คาดคุยปัญหาอิสราเอล-ช่วยคนถูกจับ23 พ.ย.2566 - เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 50 คน ว่า...

“ปานปรีย์” หวัง ตัวประกันไทยได้รับการปล่อยตัวเร็ววันนี้ หลังมีคนไปเจรจากับฮามาสแล้ว ย้ำ อยากให้แรงงานกลับประเทศ ก.เกษตร-แรงงาน พร้อมช่วยเหลือ วอน ญาติกล่อมอีกทาง เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลที่ถูกจับเป็นตัวประกันว่า ได้ประสานงานตลอดเวลา...

วันศุกร์ ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2566, 11.21 น. ด้วยความเป็นห่วง! "ศุภชัย"เตือน"ก้าวไกล" ขวางย้าย"หมอสุภัทร"ระวังผิดมาตรา 185 เข้าใจดีน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แต่อ่านกฎหมายด้วย เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Suphachai Jaismut" แสดงความเห็นกรณีที่พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์คัดค้านการโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ...

Article informationที่มาของภาพ, Thai News Pixคำบรรยายภาพ, ลูกหนัง-ศีตลา วงษ์กระจ่าง เตรียมกลับไปเกาหลีใต้อีกครั้ง ต้นปี 2566หญิงสาววัย 24 ปี ในเบลเซอร์สีน้ำตาล นั่งอยู่ตรงหน้าทีมข่าวบีบีซีไทย ณ ห้องอาหารแห่งหนึ่งที่ร้างคนในช่วงกลางวัน ทำให้ทุกอารมณ์ความรู้สึกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเด่นชัดผ่านบทสนทนาในวันนั้น"ลูกหนัง" ศีตลา วงษ์กระจ่าง หรือที่สังคมเรียกว่า “ลูกหนัง ศีตลา” ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับบีบีซีไทยถึง อดีต...

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวเปิดใจทางการเมืองเป็นครั้งแรก หลังมีข่าวแยกพรรคกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า“ใครไปหาว่าผมเซ็งอะไร ผมไม่เซ็ง ผมไม่มีอะไรเซ็ง ผมก็ตื่นเต้นอยู่ทุกวันจะไปเซ็งอะไร คุณเซ็งน่ะสิถึงมาว่า ผม ขอย้ำว่าไม่เซ็งไม่เครียดอะไรเลย” พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกระแสดูดส.ส.พลังประชารัฐ ว่า ไม่มี ก็ดูดไปดูดมานี่แหละ พร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดูดไป แล้วพล.อ.ประวิตร จะดูดกลับมาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมไม่ดูดหรอก ผมจะไปดูดใครมา”เมื่อถามว่า เห็นมีกระแสข่าวว่า ส.ส. พลังประชารัฐ จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้าชาติ กับพล.อ.ประยุทธ์ นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ไป ก็พรรคเดียวกันนั่นแหละ ไม่เป็นอะไรหรอก” เมื่อถามว่า พูดได้หรือไม่ว่า พรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคพันธมิตรกัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “พล.อ.ประยุทธ์ กับผมเป็นพี่เป็นน้องกัน ก็ไม่มีอะไร ท่านอยากไปอยู่นู้นก็ไป ผมไม่ว่าอะไร ผมไม่มีปัญหา ไม่ได้มีความขัดแย้ง แตกแยก อยู่ด้วยกันมา 40-50 ปีแล้วจะมาขัดแย้งอะไรกัน คุณถามทุกวันเลยนะ ก่อนจะหัวเราะ ประชาชนรับทราบด้วยนะว่าผมไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ผู้สื่อข่าวเป็นคนถามเองให้ผมขัดแย้ง แต่ผมไม่ได้ขัดแย้งกับใครทั้งนั้น เมื่อถามว่า การที่นายกฯ แยกพรรคไปเป็นแนวทางของแต่ละคนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบเสียงสูงว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องของนายกฯ ไปถามนายกฯ เอง ว่าเป็นแนวทางอย่างไร ท่านจะไปผมก็ไม่ว่าอะไร โอ้ย ไม่ได้น้อยใจ มีลูกพรรคอีก 200-300 คน ที่จะต้องอยู่และทำงานร่วมกันพรรคพลังประชารัฐจะต้องเป็นพรรคที่เป็นหลักให้กับประเทศชาติต่อไปเมื่อถามความชัดเจนว่าแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติใช่หรือไม่พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถามนายกฯ เอง เมื่อถามว่า แสดงว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะได้เห็น 2 พรรคนี้ร่วมกันตีใช่หรือไม่พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ไม่ใช่รวมกันตี ต่างคนต่างอยู่ ถามย้ำว่า แสดงว่า 2 พรรคนี้ เป็นพรรคพี่พรรคน้องกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เขารู้จักกัน ก็พรรคเดียวกัน เมื่อถามว่า สรุปแล้ว นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยู่ จะไปไหนเล่าพร้อมยิ้มและชี้มือไปทางนายชัยวุฒิ ที่มารอส่งขึ้นรถ มีแต่สื่อพูดเองทั้งนั้นล่ะครับ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นการเมืองมาประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว แต่วันนี้เดินเข้าหาโพเดียมเอง แล้วถามสื่อว่าจะถามอะไร ซึ่งตลอดการให้สัมภาษณ์ดูยิ้มแย้มอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หัวเราะตลอดเวลา

นั่นเพราะสถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้ง “แนวโน้ม” อนาคตทางการเมือง อย่างน้อยที่สุดหลังเลือกตั้งทั่วไปสมัยหน้า “เกมแห่งอำนาจ” ยังอยู่ในมือของ “บิ๊กป้อม” และ 3 ป. นั่นเอง ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในจุดไหนก็ตาม ต้องละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจว่า ยังมีส่วนกับเกมแห่งอำนาจอยู่ดี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นกระแสข่าว “ดีลพิเศษ” ระหว่าง “ทักษิณ” กับ “บิ๊กป้อม” ที่มีมาตั้งแต่ช่วง...

เป็นครั้งแรกที่ มหาเศรษฐีบิลล์ เกตส์ พูดถึงการเมือง หลังจากที่เขาวางมือจากการบริหารในบริษัทไมโครซอฟท์เพื่อไปทำเรื่องการกุศลในมูลนิธิเกตส์และเมลินดาปกติ บิลล์ เกตส์ จะให้ความสนใจปัญหาความยากจนและโรคระบาดผ่านมูลนิธิการกุศลของเขา แต่อีกปัญหาหนึ่งที่คาใจเขามาตลอดก็คือ การแบ่งขั้วทางการเมืองในสหรัฐฯ โดย บิลล์ เกตส์ กล่าวในเวทีเสวนาว่า “การแบ่งขั้วทางการเมืองที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯอาจนำไปสู่ความหายนะ เรากำลังเดินไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่มีพรรค การเมืองใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาด และอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้ ผมไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการเมือง ผมจะไม่นำเงินไปสนับสนุนการเมือง การแบ่งขั้วทางการเมือง จะนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่งก็คือการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ การแบ่งขั้วทางการเมือง และการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน...