งานสัมมนา PostToday Thailand Smart City 2026 “Data Center – พลิกประเทศ” ซึ่งจัดโดย Post Today สื่อในเครือเนชั่นกรุ๊ป ได้รวบรวมผู้นำเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม Data Center (DC) และ Cloud Service ที่กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI)
กัลฟ์ชี้ดีมานด์ DC ทะยานสู่หลักร้อยเมกะวัตต์ แนะปลดล็อก ‘ความมั่นคงข้อมูล’ สู้สิงคโปร์
นายสมิทธ์ พยมพงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรม Data Center ในประเทศไทย โดยชี้ว่า ดีมานด์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนจากการใช้ DC เพื่อ “เก็บข้อมูล” (เช่น ธนาคารเก็บสำรอง) ไปเป็น “Data Center เพื่อ AI” การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการประมวลผลและการคิดของ AI นั้น ต้องใช้กำลังของคอมพิวเตอร์มากขึ้นกว่าเดิมเป็นพันๆ เท่า
นายสมิทธ์ระบุว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว DC ที่ใหญ่ที่สุดในไทยอยู่ที่ประมาณ 8-10 เมกะวัตต์ (MW) แต่ในปัจจุบัน ลูกค้ารายใหม่ๆ กลับมาขอใช้งานใน หลักร้อยเมกะวัตต์ และการเติบโตใหม่ๆ กำลังมุ่งหน้าไปสู่ภาคตะวันออก หรือ EEC วิธีการใช้ การส่ง และการรับข้อมูล เปลี่ยนไปอย่างมาก จากยุคการเก็บข้อมูลไปสู่ ยุค AI หรือยุคการคิด
ในการแข่งขันระดับภูมิภาค นายสมิทธ์ได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ ซึ่งมี DC ถึง 1,000 MW ขณะที่ไทยมีเพียง 60 MW ในช่วงเวลาเดียวกัน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลาง DC มาจากกฎหมาย “Data Sovereignty” ที่บังคับให้ข้อมูลทางการเงินและข้อมูลสุขภาพของประชาชนต้องอยู่ภายในประเทศ แม้ไทยจะมีกฎหมายที่ระบุให้ข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงต้องเก็บในประเทศ แต่ นิยามของ “ข้อมูลความมั่นคง” ของไทยยังแคบ โดยหมายถึงเพียง “ข้อมูลทหาร” ซึ่งกฎหมายบังคับที่กว้างขวางของสิงคโปร์ได้ สร้างดีมานด์พื้นฐาน ให้เกิดขึ้น และทำให้สิงคโปร์ก้าวล้ำนำหน้าไทยไป
ด้านพลังงาน นายสมิทธ์กล่าวว่า การพัฒนาพลังงานต้องรักษา สมดุลของพลังงาน ทั้งด้านราคา ความสะอาด และความมั่นคง การจะไปสู่พลังงานสีเขียว (100% Green) นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและมีต้นทุนสูง แต่ประเทศไทยมีแต้มต่อด้านพลังงานเหนือเพื่อนบ้านอยู่แล้ว เพราะใช้ถ่านหินไม่ถึง 10% (ประมาณ 8%) และส่วนใหญ่เป็นก๊าซธรรมชาติ (50-60%) ดังนั้น การพัฒนาไปสู่พลังงานสะอาดจึงควรเป็นไปอย่าง “ฉลาด” และ “พอดีพอดี” เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
นอกจากนี้ การออกแบบ DC ที่ดีมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยสามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 5 เท่า สรุปได้ว่า การพัฒนา Data Center ของไทยเปรียบเสมือนการสร้างบ้าน ซึ่งต้องมี ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ที่แข็งแรง และต้องมี ‘ใบอนุญาตที่ชัดเจน’ (กฎหมาย Data Sovereignty)
Cloud คือรากฐาน AI ดัน GDP 2.5% ลดต้นทุนภาครัฐ 50%
ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ หัวหน้าคณะบริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของบริการคลาวด์และข้อมูลในการขับเคลื่อนประเทศ โดยกล่าวว่า “หากไม่มี Cloud ก็จะไม่มี AI ในวันนี้” ปัจจุบันโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุค AI-Powered Intelligence ซึ่งการทำงานจะต้องเข้าสู่ระบบอัตโนมัติที่สามารถคาดการณ์ได้ (predictive autonomous system)
ดร.ธีรเดชได้เปิดเผยถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนจากการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้: ประเทศสามารถเพิ่ม GDP ใหม่ ได้ไม่น้อยกว่า 1.5% ถึง 2.5% สามารถช่วยลดต้นทุนภาครัฐ (Public Sector) ได้ในระดับ 30-50% และยังเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้ SME ได้ไม่น้อยกว่า 40-60%
ในการขับเคลื่อนประเทศ ทรูมุ่งเน้นการสร้างทั้ง Technology Stack (Intelligent Network Connectivity, Data, และ AI) และ Human Stack (บุคลากร) โดยทรูมีความพร้อมในการให้บริการด้าน Connectivity, 5G และ Network ที่ครอบคลุมมากกว่า 99% ของประชากรไทย ดร.ธีรเดช ย้ำว่า AI ไม่ได้มาแทนที่เรา แต่ AI เป็นเครื่องมือของเรา สิ่งสำคัญคือการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับประสบการณ์เพื่อสร้าง “New Engine” ที่เรียกว่า Creativity และ New Expertise
นอกจากนี้ ทรูยังมุ่งเน้นการใช้ Data, AI และ Cloud เพื่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Singularity หรือ Single View of Source ของบุคคลหรือประเทศ เพื่อนำไปสู่แพลตฟอร์มที่ช่วย Simplify life ของประชาชนได้
Data Center คือ AI Center ต้องการพลังงานสูงกว่าร้อยเท่า คือ ‘อาวุธ’ สร้าง Digital Intelligence
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในการทำให้ประเทศไทยเป็น Digital Hub ของอาเซียน ผ่านการสร้าง Digital Intelligence ซึ่งถือเป็น “อาวุธที่สำคัญ” ที่จะช่วยให้ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจสามารถสร้างความแตกต่างทางการแข่งขัน
ดร.ชวพลชี้ว่า การพัฒนาประเทศขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหลัก 2 สาย คือ IC (Digital Intelligence) และเทคโนโลยีพลังงาน ซึ่งทั้งสองส่วนมีความเกี่ยวพันกันอย่างชัดเจน และการพูดถึง AI ต้องกล่าวถึงเรื่องของ พลังงานและความยั่งยืน (sustainability) ควบคู่กันไป ข้อมูลในยุคใหม่ไม่ใช่แค่ฐานข้อมูลทั่วไป แต่เป็นข้อมูลขนาดใหญ่และไม่เป็นโครงสร้าง (unstructured) รวมถึงเป็น ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมซึ่งมีความ Sensitive มากๆ
ดังนั้น Data Center และ Cloud จึงเป็นเทคโนโลยีในเลเยอร์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งต้องสามารถดูแลรักษาความปลอดภัย มีความเสถียร (ไม่สามารถมี Downtime ได้) และข้อมูลที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศจะต้องอยู่ในประเทศไทย ดร.ชวพลย้ำว่า DC ในปัจจุบันไม่ใช่แค่ DC ทั่วไป แต่เป็น AI Data Center ซึ่งมีความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า CPU หรือชิปเซ็ตรุ่นเก่าๆ ถึง หลักร้อยเท่า ด้วยเหตุนี้ DC จึงต้องถูกเชื่อมโยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับ เทคโนโลยีพลังงานยั่งยืน (sustainable source)
หัวเว่ยมีการลงทุนด้าน R&D ในเทคโนโลยีเหล่านี้มากถึง 25% ของรายได้ในแต่ละปี โดยมุ่งเน้นที่ Industrial AI หรือ AI ที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ (industry specific use) เช่น การเงิน, การผลิต, หรือการดูแลสุขภาพ เพื่อสร้างผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจจริง ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Digital Intelligence คือ AI CCTV ที่มีความฉลาดในการ recognize พฤติกรรม เช่น การทะเลาะวิวาท และการใช้ AI ช่วยสรุปอาการคนไข้และให้แนวทางปฏิบัติแก่แพทย์ทั่วไปในต่างจังหวัด
AI Agent สร้างทุน 7 ล้านล้าน ต้องรับ Global Standard เลี่ยงน้ำท่วม 500 ปี
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงโอกาสของประเทศไทยในการเข้าสู่ศักยภาพที่ไม่สิ้นสุดผ่านการประยุกต์ใช้ AI นายธนวัฒน์อัปเดตเทรนด์ล่าสุดว่า AI ได้พัฒนาไปสู่ AI agent หรือ agentic AI ซึ่งจะถูกฝังอยู่ในทุกกระบวนการทำงานและจะทำหน้าที่เป็น เพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย องค์ความรู้ล่าสุดของ GPT-5 นั้น มีความรู้เทียบเท่ากับเด็กนักเรียนที่จบปริญญาเอก (Ph.D. Graduate) ในกว่า 40-50 สาขาวิชา และเรียกสิ่งนี้ว่า Democratization of Intelligence
ด้านการลงทุน นายธนวัฒน์ชี้ว่าการใช้จ่ายด้าน AI ทั่วโลกอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (US Dollar) ขณะที่ Group F Credit ระบุว่า AI สามารถสร้างทุนได้สูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไมโครซอฟท์ยืนยันการลงทุนในประเทศไทยด้วยการสร้าง Cloud Data Center และ AI Cloud Data Center ซึ่งจะใช้ Fabric เดียวกันกับทั่วโลก
นายธนวัฒน์ได้เปิดเผยถึง 5 ปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนด้าน Data Center และ AI ในประเทศไทย:
- Domestic Consumption (การบริโภคภายในประเทศ): เป็นจุดสำคัญที่สุด โดยชี้ว่าภาคส่วนราชการ (public sector) ยังมีการใช้คลาวด์น้อยมาก
- Location (ทำเลที่ตั้ง): ประเทศไทยถือเป็น ศูนย์กลางของอาเซียน ทั้งด้านเหนือ ใต้ ออก และตก
- Support System (ระบบสนับสนุน): สิ่งสำคัญคือ พลังงานสะอาด (Green Energy) โดยไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นที่จะรัน Data Center ทั้งหมดด้วย พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ การเลือกทำเลที่ตั้งจะต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงน้ำท่วม โดยต้องไม่เคยมีผลกระทบจากน้ำท่วมย้อนหลังไปถึง 500 ปี
- Workforce (บุคลากร): หากไม่มี Talent การลงทุนจะย้ายไปที่อื่น และเปิดเผยความสำเร็จในการ Upskill คนไทยด้าน AI โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีคนไทยเข้าถึงคอนเทนต์ด้าน AI ของไมโครซอฟท์ไปแล้วถึง 1.6 ล้านคน ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
- Global Standard (มาตรฐานสากล): ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้ Global Standard โดยเฉพาะในเรื่อง Cross-Border Data Policy หากประเทศไทยไม่ยอมรับนโยบายข้อมูลข้ามพรมแดน โอกาสที่ประเทศไทยจะเป็น “AI hub ของเอเชีย” จะลดลง
นายธนวัฒน์ได้ฝากข้อคิดสุดท้ายว่า “AI is not the future, but AI will make our future.”


