ห้องข่าวภาคเที่ยง – นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี โดยไทยเสนอ 3 แนวทางยกระดับความร่วมมือ อาเซียน-เกาหลีใต้ พร้อมจะร่วมมือกันต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์
ไทยเสนอ 3 แนวทางความร่วมมือ อาเซียน-เกาหลีใต้
ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย ถือเป็นครั้งแรกที่นายอี แช มย็อง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้พบกับผู้นำอาเซียนในเวทีการหารือครั้งนี้
โดยประเทศไทยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานความสัมพันธ์ อาเซียน-เกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความสำคัญของการขับเคลื่อนหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่คลอบคลุมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ นวัตกรรมสีเขียว และการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเน้นย้ำถึงการประชุมครั้งนี้ว่า เป็นการทบทวนและกำหนดทิศทางความร่วมมือในอนาคตระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี
ทั้งด้านความมั่นคง จะร่วมมือกันทางการเมืองเพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ เช่น อาชญากรรมทางไซเบอร์ พร้อมสนับสนุนการเสริมสร้างความตระหนักรู้ด้านกิจการทางทะเลผ่านความร่วมมือการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง
เน้นย้ำถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจผ่านการยกระดับความตกลงการค้าอาเซียน ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ AI พร้อมกับส่งเสริมทั้งด้านสังคมวัฒนธรรม และด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
โดยการกล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย ได้เสนอ 3 แนวทางความร่วมมือหลัก เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทย-อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและปรับปรุงข้อตกลง AKFTA (ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี) เพิ่มขีดความสามารถของภูมิภาค และการสร้างอนาคตสีเขียวที่ยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี ย้ำจุดยืนของไทยในการส่งเสริมสันติภาพ และความมั่นคงในภูมิภาค โดยสนับสนุนการแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยการเจรจาและความร่วมมือ ไม่ใช่การเผชิญหน้า
ไทย-กัมพูชา ลงนามถ้อยแถลง ถอนอาวุธชายแดน
การเข้าร่วมการประชุมอาเซียนวันนี้ของนายกฯ เป็นวันที่ 2 หลังจากเมื่อวานนี้ นายอนุทิน ร่วมลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา 
โดยมีทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมลงนามเพื่อเป็นสักขีพยาน
นายอนุทิน กล่าวว่า หลังการลงนามในถ้อยแถลง ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงทั้งหมดที่ได้เห็นพ้องร่วมกัน โดยเฉพาะการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนโดยเร่งด่วน เพื่อรับประกันความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไว้เนื้อเชื่อใจ ก่อนที่ประเทศไทยจะเริ่มกระบวนการปล่อยตัวทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวจำนวน 18 นาย
โดยกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถ้อยแถลงดังกล่าว เนื้อหาสำคัญ ก็คือ การถอนอาวุธและยุทโธปกรณ์หนักออกจากแนวชายแดน ละเว้นการเผยแพร่การใช้ข้อมูลเท็จ การประสานงานและดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมทั้งบริหารจัดการสถานการณ์ในพ้ืนที่ให้เป็นไปโดยสันติ
