‘หุ้นไทย’ ปิดบวก 2.36 จุด โบรกชี้ DELTA กดตลาดร่วงราว 6 จุด

16 กรกฎาคม 2564

64

หุ้นไทยวันนี้ปิดบวก 2.36 จุด “บล.เมย์แบงก์ฯ” ชี้ดัชนีแข็งแกร่งกว่าคาด แม้ยอดโควิดพุ่งนิวไฮ แต่ DELTA ฉุดตลาดกว่า 6 จุด สัปดาห์หน้าจับตากลุ่มแบงก์ประกาศงบ

ความเคลื่อนไหวหุ้นไทยวันนี้ (16 ก.ค.) ดัชนี SET ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,574.37 จุด เพิ่มขึ้น 2.36 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.15% และมีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 80,445.35 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,575.66 จุด และต่ำสุดที่ 1,567.17 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิม​เอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดบวก 2.36 จุด โดยคาดฟื้นตัวจากวันก่อนหน้า (15 ก.ค.) ที่ดัชนีปรับตัวลงราว 6 จุด แต่ได้แรงหนุนจาก บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) ที่หนุนตลาดกว่า 8 จุด อย่างไรก็ดี สำหรับการเคลื่อนไหวในวันนี้หากไม่รวม DELTA คาดดัชนีจะบวกได้ราว 8 จุด โดย DELTA ปิดที่ 586 บาทต่อหุ้น ลดลง 66 บาท หรือลดลง 10.12% มีผลกดดันดัชนีราว 6 จุด

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นต่างประเทศ พบว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผสม ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวก โดยคาดว่าได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 2 ปี 2564 ที่แข็งแกร่ง ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูดีขึ้น สะท้อนจากอัตราผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐปรับลงต่ำสุดตั้งแต่เกิดโควิด-19 รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้มุมมองเงินเฟ้อว่าเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในประเทศถูกกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ที่ 9,692 ราย และมีความเสี่ยงจะแตะ 10,000 ราย ซึ่งจะส่งผลให้นักวิเคราะห์ทยอยปรับคาดการณ์กำไรบจ.กลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) งวดปี 2564 ลงในช่วงที่เหลือนี้

สำหรับแนวโน้ม SET สัปดาห์หน้า (19-23 ก.ค.) คาดดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,550 จุด และแนวต้านที่ 1,590 จุด โดยคาดว่านักลงทุนจะไม่ตื่นตระหนกหากตัวเลขผู้ติดเชื้อแตะหมื่นราย เพราะปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อปรับขึ้นใกล้ระดับดังกล่าวแล้ว ขณะที่แนวต้าน 1,590 จุด คาดนักลงทุนจะขายล็อกกำไรเมื่อดัชนีแตะ 1,600 จุด

“สัปดาห์หน้ายังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบตลาด โดยแนะนำนักลงทุนจับตาการประกาศงบแบงก์ไตรมาส 2 ที่จะทยอยประกาศต่อเนื่องระหว่าง 19-21 ก.ค. รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ และความคืบหน้าของวัคซีนทางเลือก”

ดังนั้น การลงทุน แนะนำเลือกซื้อรายตัว (Selective Buy) มากขึ้น โดยแนะนำซื้อ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) คาดนักวิเคราะห์จะทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2564 และราคาเหมาะสม เพราะคาดกำไรไตรมาส 2 มีโอกาสแตะ 1,000 ล้านบาท จากเดิมตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยได้ปัจจัยหนุนจากจำนวนเคสตรวจโควิดที่เพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวในไตรมาส 2 จาก 1 แสนเคสในไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 5.8 แสนเคส

นอกจากนี้ ผู้บริหารยังให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์ โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมา 15 วัน มีการตรวจเคสโควิดแล้วกว่า 1 แสนเคส จึงคาดว่าทั้งไตรมาสที่เหลือจะส่งผลให้จำนวนเคสที่เข้าตรวจพุ่งแตะ 9 แสนถึง 1 ล้านเคส ขณะที่ประเด็นชุดตรวจ Rapid Antigen Test คาดว่าจะส่งผลบวกต่อโรงพยาบาล เพราะผู้ป่วยมีความต้องการตรวจเช็คซ้ำภายหลังใช้ชุดตรวจ รวมถึงความต้องการใช้บริการที่จะเพิ่มขึ้นภายหลังรู้ผลว่าติดเชื้อ

ส่วนหุ้นเด่นตัวอื่นๆ ที่แนะนำ ได้แก่ บมจ.เอ็ม.ซี.เอส.สตีล (MCS) ได้ปัจจัยหนุนจากกำไรไตรมาส 2 คาดว่าจะทำนิวไฮ และ บมจ.เจ มาร์ท (JMART) ได้ประโยชน์จากบริษัทลูก SINGER และ JMT ที่คาดกำไรไตรมาส 2 และ 3 จะทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) ตามลำดับ