นายกฯย้ำชัดมาตรการตอบโต้กัมพูชา ต้องรอผ่านที่ประชุม สมช.ก่อน ชี้ทุกสถานการณ์เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ให้บัวแก้วประสานกัมพูชา กรณีสมเด็จฯฮุน เซน ออกแถลงการณ์ตอบโต้ไทย 6 ข้อ ทั้งงดซื้อสินค้าไทย และพร้อมรับคนกลับมาทำงานในประเทศ ขณะที่ “ฮุน มาเนต” ลั่นเลิกซื้ออินเทอร์เน็ต พร้อมแบนรายการทีวีจากไทยทั้งหมด หอการค้าฯกังวลตอบโต้ไปมากระทบการเจรจาและการค้ามากขึ้น ด้าน ปตท.ที่ให้บริการหลายอย่างในกัมพูชา ยังไม่มีปัญหา แต่ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ขณะที่ด่านจันทบุรีวุ่นหลังฝั่งกัมพูชาสั่งปิดกะทันหัน
นายกฯรอ สมช.ออกมาตรการ
ความคืบหน้าสถานการณ์ตึงเครียดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฯฮุน เซ็น ประกาศ 6 มาตรการตอบโต้ประเทศไทย หากไม่ยอมเปิดด่านพรมแดน พร้อมปิดด่านบริเวณจังหวัดจันทบุรี โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ว่าทางกัมพูชาได้ยินว่าไทยจะไปตัดน้ำไฟบริเวณชายแดน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในมาตรการที่เป็นการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า แต่ต้องผ่านความเห็นของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก่อน และเรายังไม่ได้ประกาศออกมา
“ย้ำว่ายังไม่ทำ จึงอาจเป็นความเข้าใจผิดกันเกิดขึ้น ซึ่งได้คุยกับรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องว่าเกิดอะไรขึ้น จนเข้าใจผิดว่ารัฐบาลออกแถลงการณ์ ว่าจะตัดไฟตัดเน็ตซึ่งไม่จริง เพราะที่คุยกันก่อนหน้านี้และตกลงกันคือเรื่องปรับกำลัง และยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น โดยจะรอการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ และขอฝากสื่อสารว่ายังไม่ใช่แถลงการณ์ของรัฐบาล”
ตรวจสอบที่ “ฮุน เซน” แถลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯหรือทีมไทยแลนด์จะต้องประสานโดยตรงหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า จะมอบกระทรวงการต่างประเทศ ประสานว่ากระบวนการที่แท้จริงเป็นอย่างไร ขอย้ำว่าทุกสถานการณ์ต้องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เมื่อผ่าน สมช.แล้วมาตรการจึงจะเกิดขึ้นได้ แต่กรณีนี้ไม่ทราบว่าข้อมูลหลุดไปก่อนได้อย่างไรจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด
เมื่อถามว่าจากกรณีที่กำหนดเวลาเปิดปิดด่านชายแดน จะส่งผลต่อกระทบต่อการประชุมเจบีซีหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ต้องคุยรายละเอียดในเจบีซีว่าต้องทำอย่างไรบ้าง การคุยในแต่ละเรื่องยังไม่ใช่ภาพรวม คิดว่าการประชุมเจบีซีจะได้พูดถึงความคืบหน้า และแจ้งกับประชาชนว่าผลเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าเพราะเหตุใดที่คุยกับกัมพูชาและมีข้อตกลงกันแล้ว แต่ผ่านไป 1-2 วัน ท่าทีกัมพูชาเปลี่ยนไป น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เพราะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นทางการ จึงต้องมีการอธิบาย
กัมพูชาลุย 6 แผนโต้ไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สมเด็จฯฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โพสต์ 6 มาตรการตอบโต้ที่กัมพูชาจะบังคับใช้กับไทย หากไทยปฏิเสธที่จะเปิดประตูชายแดนที่ปิดฝ่ายเดียว ประกอบด้วย
1.ประกาศระงับการนำเข้าสินค้าไทยมายังตลาดกัมพูชา หยุดใช้สินค้าไทย 2.เตรียมรับซื้อสินค้าทางการเกษตรที่เคยส่งออกให้ไทย และมุ่งหาตลาดอื่น ๆ 3.ส่งผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการรักษาในไทยไปยังโรงพยาบาลในประเทศ หรือสถานพยาบาลในประเทศอื่น
ขนคนกลับ-อ้างมีงานเพียบ
4.เตรียมพร้อมในการรับและจัดการโอกาสการจ้างงานของแรงงานที่จะเดินทางกลับจากไทย ปัจจุบันกัมพูชากำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานกว่าหมื่นตำแหน่ง
5.กองกำลังติดอาวุธทั้งหมด ต้องอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง และ 6.จังหวัดใกล้ชายแดนต้องเตรียมพร้อมอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย
“ฮุน มาเนต” หยุดซื้อเน็ตไทย
ขณะเดียวกัน พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาประกาศหยุดซื้ออินเทอร์เน็ตจากไทย โดยอ้างรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมว่า กัมพูชาสามารถจัดหาอินเทอร์เน็ตได้เพียงพอด้วยตนเอง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกัมพูชา ซึ่งได้ยืนยันความสามารถของกัมพูชาในการจัดหาไฟฟ้าที่เพียงพอให้กับกัมพูชาด้วยตัวเองเช่นกัน
นอกจากนี้ กัมพูชายังประกาศยุติการออกอากาศภาพยนตร์ไทยทุกประเภท บนช่องทางโทรทัศน์ของกัมพูชาอีกด้วย โดยมาตรการทั้งหมดจะมีผลในคืนวันที่ 12 มิถุนายน หลังเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป
NT เผยเน็ตถูกตัด 2 เส้นทาง
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า หลังประเทศกัมพูชาประกาศตัดอินเทอร์เน็ตพบว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 มิ.ย. สัญญาณคุณภาพลดลง
พบว่าสายเคเบิลที่ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ไปยังกัมพูชา ถูกตัดใน 2 เส้นทาง คือ เส้นทางจากอรัญประเทศ และเส้นทางจากเกาะกูดไปยังกัมพูชา ส่งผลให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตสองเส้นทางใช้งานไม่ได้
“การถูกตัดสัญญาณสองเส้นทางดังกล่าว ส่งผลกับลูกค้าของ NT ที่เป็นบริษัทเอกชนของไทย ที่เข้าไปประกอบธุรกิจในกัมพูชา ในการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตเพื่อทำธุรกิจ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้”
หอการค้าฯหวั่นเวทีเจรจา JBC ล่ม
แหล่งข่าวจากสภาหอการค้าไทยเปิดเผยว่า อยากให้มีการเจรจาระหว่างสองประเทศให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพราะไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศ เพราะต่างพึ่งพาอาศัยกันทั้งการค้าการลงทุน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวการแบนสินค้าไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่กระทบ เชื่อว่าจะมีการตัดสินจากคุณภาพ แต่หากกัมพูชาแบนก็อาจจะไปนำเข้าสินค้าจากจีน หรือเวียดนามเพิ่มขึ้น
ส่วนปัญหาแรงงานที่จะมีการเรียกกลับประเทศนั้น อาจจะส่งผลกระทบในส่วนของภาคก่อสร้างที่มีการใช้แรงงานกัมพูชาค่อนข้างมาก แต่สามารถทดแทนได้ด้วยแรงงานชาติอื่น ขณะเดียวกันแรงงานที่กลับประเทศก็จะได้รับผลกระทบจากรายได้ที่หายไป และเห็นว่าการประกาศยกระดับมาตรการตอบโต้ระหว่างกัน อาจทำให้เวทีเจรจาของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ล่ม หรืออาจไม่บรรลุผล
น้ำมัน-กาแฟอเมซอนยังไม่กระทบ
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ยังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ OR วางกลยุทธ์ให้ประเทศกัมพูชาเป็น “บ้านหลังที่สอง” โดยดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท PTT Cambodia Limited (PTTCL) ผ่านช่องทางการจำหน่าย 1.ให้บริการเติมน้ำมันเครื่องบิน ทางสนามบินนานาชาติพนมเปญ เสียมเรียบ และ Kong Keng 2.ให้บริการส่งน้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และหล่อลื่นให้กับโรงงานอุตสาหกรรม 3.ขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมัน พีทีทีสเตชั่น 186 สาขา
4.ทำธุรกิจเสริมอื่น ๆ ได้แก่ ธุรกิจร้านกาแฟ Cafe Amazon โดยกัมพูชามีจำนวนสาขามากเป็นอันดับ 1 มีจำนวนสาขารวม 254 สาขา, ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่, เปิดสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ และสถานี Battery Swapping 5) ขายส่งผ่านผู้ค้าส่ง และบริษัทน้ำมัน ผ่านคลังน้ำมันเรียม และ 6) บริหารคลังน้ำมัน
จันทบุรีวุ่นเดี๋ยวปิด-เดี๋ยวเปิด
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานจากจังหวัดจันทบุรีว่า วันที่ 13 มิ.ย. 68 เวลา 10.00 น. กัมพูชาประกาศปิดด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.ไพลิน ซึ่งอยู่ติดกับบริเวณจุดผ่านแดนถาวร บ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้ชาวกัมพูชาและสินค้าไม่สามารถนำเข้า และส่งออกไปได้ แต่ในเวลา 10.30 น.เปิดบริการเพื่อระบายรถขนส่งสินค้าและคนเข้า-ออก
ส่วนทางด่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ปิดด่านตั้งแต่ 10.50 น. แต่ให้ระบายรถเข้าออกทั้งไทย-กัมูชาทั้งสองฝั่ง ก่อนที่จะกำหนดปิดเฉพาะประตูใหญ่เวลา 12.00 น. เพื่อไม่ให้รถขนส่งสินค้าผ่านเข้า-ออกได้ แต่เปิดประตูเล็กให้บุคคลเข้า-ออกได้ตามปกติ
สินค้าเสียหายหนัก-ไปด่านอื่น
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปกัมพูชากล่าวว่า การปิดด่านของกัมพูชาสร้างความปั่นป่วนให้ผู้ประกอบการอย่างมาก เพราะไม่แจ้งล่วงหน้า ซึ่งหลังจากที่ปรับเวลาต้องพยายามทำเอกสารให้เสร็จก่อน 13.00 น. จึงจะผ่านเข้าไปได้ทัน กรณีที่ด่านปิดกะทันหันรถสินค้าที่ขนส่งสินค้าเข้าไปแล้วแต่ยังลงไม่หมด หรือคาดว่าจะลงของไม่ทันแวลาปิดด่านในตอนเย็น 16.00 น. หรือที่เพิ่งนำเข้าไปช่วงก่อนปิดด่าน ไม่สามารถลงสินค้าทันเวลาแน่นอน
ในเมื่อเหตุการณ์ไม่ปกติ ต้องเร่งนำรถกลับออกมาให้ทันเวลา สร้างความเสียหายให้ผู้ประกอบการอย่างมาก และอาจจะต้องหาเส้นทางอื่นนำสินค้าเข้าไปส่ง เช่น อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่เส้นทางไกลและจำกัดจำนวนรถที่เข้าไป ส่วนที่เตรียมจะส่งสินค้าต้องชะลอไปก่อน
ชี้ด่านจันท์-ตราดไม่เคยมีปัญหา
ด้าน ดร.รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทยกัมพูชา จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ปัญหาการเปิด-ปิดด่าน เป็นเรื่องของการเจรจาระดับบนของรัฐบาล สถานการณ์ดังกล่าวต้องประชุมพูดคุยกันด้วยสันติวิธี เพราะ จ.สระแก้ว จันทบุรี ตราด เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา ไม่ใช่พื้นที่สู้รบ มีปัญหาตรงไหนควรแก้ไขเฉพาะจุด
สำหรับด่านบ้านแหลมติด จ.พระตะบอง ประชาชน 1.2 ล้านคน ด่านบ้านผักกาด ติด จ.ไพลิน ประชากร 1 แสนคน ภาคเอกชนเชื่อมั่นในรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง ประชาชน เศรษฐกิจ ต้องเดินไปด้วยกัน สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย เมื่อครั้งรบกันเรื่องเขาพระวิหาร ปิดแค่ด่านใหญ่ จ.อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ ส่วนด่าน จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ตราด ไม่ได้ปิดแต่อย่างใด
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : หอการค้ากังวลกระทบโต๊ะเจรจา หลัง ‘ฮุน เซน’ แถลงแผนตอบโต้-ปิดด่าน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net