“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานเปิดการเสวนา เรื่อง “ฮานอย 2021 สู่ พนมเปญ 2023” ที่ห้องประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เมื่อ 30 มิ.ย. 65 โดยมีผู้บริหารในวงการกีฬาไทย ทั้งจากการกีฬาแห่งประเทศไทย,คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าร่วมรับฟัง แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับการเสวนาครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อร่วมกันวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 12-23 พ.ค.65 กับทัพนักกีฬาไทย ว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง ที่ส่งเสริมให้นักกีฬาประสบความสำเร็จ และมีปัจจัยอะไรบ้าง ที่เป็นอุปสรรค ทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมการศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่าง 5-16 พ.ค. 2566 รวมทั้งศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพในปี 2568
พล.อ.ประวิตร เผยว่า ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา รวมทั้งการแข่งขันกีฬานานาชาติ ขอให้ทุกสมาคมกีฬา นำเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา เข้ามาใช้อย่างจริงจัง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและแข็งแกร่งให้กับนักกีฬาไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าเรามีการเพิ่มวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้มากกว่านี้ เราจะสามารถครองเจ้าเหรียญทองในซีเกมส์ทุกครั้งแน่นอน
นอกจากนี้ “บิ๊กป้อม” ยังได้กล่าวชื่นชมสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ที่สามารถพัฒนานักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงของไทย จนนักตบสาวไทย ก้าวไปสู่ระดับโลก ถือเป็นตัวอย่างที่ทุกสมาคมกีฬาจะต้องนำแนวทางไปเป็นแบบอย่างในการพัฒนานักกีฬาของตัวเอง
ขณะที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า หากแข่งขันซีเกมส์ ในประเทศที่เป็นกลาง นักกีฬาไทย จะครองเจ้าเหรียญทองได้ทุกครั้ง ไล่ตั้งแต่บรูไน, ลาว, เมียนมา, และสิงคโปร์ ส่วนที่ กัมพูชา อยากให้รักษาสถิตินี้ไว้ เพราะเชื่อว่าเราทำได้แน่นอน หากมีการทำงานและวางแผนร่วมกันที่ดี ส่วนที่ เวียดนาม ที่เราพลาดเจ้าเหรียญทอง ส่วนตัวมองว่ามี 3 ประเด็นที่คนมอง คือเรื่องของนักกีฬาซึ่งอาจจะขาดแรงจูงใจเพราะไม่มีการเก็บคะแนนโลก รวมถึงการตัดสิน และหลายๆ ชนิดกีฬา นักกีฬาเจ้าภาพเก่งกว่าเรา ซึ่งตรงนี้เราต้องยอมรับ
ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เผยว่า ในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 นั้น กกท.จะนำเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้อย่างเต็มที่ เพราะครั้งที่ผ่านมาศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาของกกท.เพิ่งปรับปรุงแล้วเสร็จ เวลาจึงกระชั้นชิด นักกีฬายังเข้ามาใช้ได้ไม่เต็มที่ หลังจากนี้เราพร้อมเต็มที่ ขอให้สมาคมกีฬา ประสานงานติดต่อนำนักกีฬาเข้ามาใช้ได้เลย และทุกสมาคมกีฬา ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เพียงพอ เพราะทั้งสถานที่ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์การกีฬา และบุคคลากร พร้อมอย่างเต็มที่แน่นอน
“ต้องยอมรับว่า “พนมเปญเกมส์ 2023” ครั้งนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของชนิดกีฬาทั้ง 40 ชนิดกีฬา ที่เจ้าภาพจะบรรจุเข้าแข่งขันแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องของอีเวนท์ในแต่ละชนิดกีฬา ส่วนกีฬาความหวังอย่าง ฟุตซอล ที่เราครองเจ้าเหรียญทอง รวมทั้งปันจักสีลัต ก็โดนตัดออก อีสปอร์ต อีเวนท์ก็ไม่ชัดเจน และที่น่ากังวลหนักคือการบรรจุกีฬาแปลๆ และเราไม่คุ้นเคยเข้ามาหลายชนิดกีฬา ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนเรื่องกฎและกติกาการแข่งขันว่าตัดสินกันอย่างไร”
“ที่สำคัญคือกีฬาต่อสู้ ซึ่งจะชี้เป็นชี้ตายเจ้าเหรียญทอง ก็มีความหลากหลายอีกด้วย ดังนั้นในเบื้องต้น ผมจึงอยากให้ทุกสมาคมกีฬา เตรียมนักกีฬาที่มีแข่งขันในซีเกมส์ 2021 ไปก่อน พร้อมทั้งฝากประสานงานกับทางกัมพูชาในทุกระดับอย่างใกล้ชิดด้วย โดยซีเกมส์ครั้งนี้ กกท. ได้แบ่งการเตรียมนักกีฬาออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่ได้เหรียญทอง,กลุ่มนักกีฬาดาวรุ่ง และกลุ่มนักกีฬาทีได้เหรียญรางวัล (เงิน+ทองแดง) ซึ่งเป้าหมายหลักคือการครองเจ้าเหรียญทอง ในกีฬาสากล รองรองมาคือเป็นเจ้าเหรียญทองรวม” ดร.ก้อง กล่าว
อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
